1. คอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง พร้อมรูปประกอบ
คำตอบ 8 ประเภท
1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)
3. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
3. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
4. เวิร์คสเตชัน (Workstation บางครั้งเรียก Supermicro)
5. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)
6. พีดีเอ (PDA-Personal Digital Assistant)
7. คอมพิวเตอร์เครือข่าย(NetworComputers)
8. คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embedded Computers)
2. คอมพิวเตอร์แบบฝัง คืออะไร ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง พร้อมรูปประกอบ
คำตอบ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกฝังไปในอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้มองไม่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ นิยมใช้การทำงานเฉพาะด้าน โดยทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมหน้าที่การทำงานบางอย่าง เช่นเตาอบไฟฟ้า นาฬิกาข้อมือ เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ใช่ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ยังดี หางานโดยใช่เวลาทำได้แถมได้เงินอีกต่างหาก เล่นเกมเพื่อความสนุก ฟังเพลงเพื่อพักผ่อนร่างกายและจิตใจ หาเส้นทางที่จะไปที่ๆเราไม่รู้และ เราสามารถหาความรู้เรื่องต่างๆ ได้จากคอมพิวเตอร์
4. VLSI คืออะไร มีความสำคัญต่อคอมพิวเตอร์อย่างไร
คำตอบ จากวงจรไอซีได้มีการพัฒนาวงจรรวมความจุสูงหรือแอลเอสไอ (Large Scale Integrated Circuit : LSI) ขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2513 ทำให้สามารถบรรจุวงจรทรานซิสเตอร์จำนวนหลายพันตัวลงบนแผ่นซิลิคอนขนาด 1/6 ตารางนิ้ว นับเป็นการเริ่มยุคที่สี่ของคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ระหว่าง พ.ศ.2513 – 2532 และในปี พ.ศ. 2518 สามารถเพิ่มปริมาณวงจรหลายหมื่นวงจรลงบนซิลิคอนขนาดเท่าเดิม เรียกว่า วงจรรวมความจุสูงมากหรือวีแอลเอสไอ (Very Large Scale Integrated Circuit : VLSI) จากการประดิษฐ์วีแอลเอสไอสามารถนำมาสร้างเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู (Central Processing Unit : CPU) ของคอมพิวเตอร์ และสามารถลดขนาดของคอมพิวเตอร์ให้เล็กลงจนสามารถตั้งบนโต๊ะทำงานในสำนักงาน หรือพกพาไปในที่ต่างๆ เหมือนกระเป๋าหิ้วได้ เรียกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกิดในยุคนี้ว่าไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) นอกจากนี้ ยังสามารถนำวงจรวีแอลเอสไอมาสร้างเป็นหน่วยความจำรองที่สามารถเก็บข้อมูลในระหว่างที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ ทำให้ได้หน่วยความจำที่มีความจุมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ยุคนี้จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนคอมพิวเตอร์นอกจากช่วยงานคำนวณแล้วยังสามารถทำงานเฉพาะทางอื่นๆ ได้มากกว่าช่วยงานคำนวณ เช่น การนำเสนอข้อมูลแบบสื่อประสม
8. คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embedded Computers)
2. คอมพิวเตอร์แบบฝัง คืออะไร ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง พร้อมรูปประกอบ
คำตอบ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกฝังไปในอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้มองไม่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ นิยมใช้การทำงานเฉพาะด้าน โดยทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมหน้าที่การทำงานบางอย่าง เช่นเตาอบไฟฟ้า นาฬิกาข้อมือ เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ใช่ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ยังดี หางานโดยใช่เวลาทำได้แถมได้เงินอีกต่างหาก เล่นเกมเพื่อความสนุก ฟังเพลงเพื่อพักผ่อนร่างกายและจิตใจ หาเส้นทางที่จะไปที่ๆเราไม่รู้และ เราสามารถหาความรู้เรื่องต่างๆ ได้จากคอมพิวเตอร์
3. ข้อมูลและสารสนเทศแตกต่างกันอย่างไร
คำตอบ ข้อมูล (data) หมายถึงข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นตัวเลข ตัวอักษรหรือสํญลักษณ์ และข้อมูลที่นั้นต้องเป็นข้อมูลที่แม่นยำและเป็นปัจจุบันที่สุด เช่น ที่อยู่ ปริมาณ คะแนน เป็นต้นสารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มาจากสื่อต่างๆ เช่น ข่าว วิทยุ หนังสือ เป็นต้นและคำว่าสารสนเทศนี้จะมีความหมายหลากหลายตั้งแต่การใช้คำว่าสารสนเทศในชีวิตประจำวัน จนถึงความหมายเชิงเทคนิคข้อมูลและสารสนเทศแตกต่างกัน ข้อมูลหมายถึงข้อเท็จจริง ที่ได้จากการเก็บข้อมูลจากเหตุการณ์ต่างๆ แต่สารสนเทศหมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเพื่อไปใช้ในการตัดสินใจต่อไปเช่น ข้อมูล นักศึกษาในมหาลัยบ้านสมเด็จ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เอก วิทยาการคอมพิวเตอร์ ปี1 มีจำนวน 120 คนสารสนเทศ มีนักศึกษามาจากมหาลัยอื่นๆ 40 คน เป็นนักศึกษาเก่า 80 คน
คำตอบ ข้อมูล (data) หมายถึงข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นตัวเลข ตัวอักษรหรือสํญลักษณ์ และข้อมูลที่นั้นต้องเป็นข้อมูลที่แม่นยำและเป็นปัจจุบันที่สุด เช่น ที่อยู่ ปริมาณ คะแนน เป็นต้นสารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มาจากสื่อต่างๆ เช่น ข่าว วิทยุ หนังสือ เป็นต้นและคำว่าสารสนเทศนี้จะมีความหมายหลากหลายตั้งแต่การใช้คำว่าสารสนเทศในชีวิตประจำวัน จนถึงความหมายเชิงเทคนิคข้อมูลและสารสนเทศแตกต่างกัน ข้อมูลหมายถึงข้อเท็จจริง ที่ได้จากการเก็บข้อมูลจากเหตุการณ์ต่างๆ แต่สารสนเทศหมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเพื่อไปใช้ในการตัดสินใจต่อไปเช่น ข้อมูล นักศึกษาในมหาลัยบ้านสมเด็จ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เอก วิทยาการคอมพิวเตอร์ ปี1 มีจำนวน 120 คนสารสนเทศ มีนักศึกษามาจากมหาลัยอื่นๆ 40 คน เป็นนักศึกษาเก่า 80 คน
4. VLSI คืออะไร มีความสำคัญต่อคอมพิวเตอร์อย่างไร
คำตอบ จากวงจรไอซีได้มีการพัฒนาวงจรรวมความจุสูงหรือแอลเอสไอ (Large Scale Integrated Circuit : LSI) ขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2513 ทำให้สามารถบรรจุวงจรทรานซิสเตอร์จำนวนหลายพันตัวลงบนแผ่นซิลิคอนขนาด 1/6 ตารางนิ้ว นับเป็นการเริ่มยุคที่สี่ของคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ระหว่าง พ.ศ.2513 – 2532 และในปี พ.ศ. 2518 สามารถเพิ่มปริมาณวงจรหลายหมื่นวงจรลงบนซิลิคอนขนาดเท่าเดิม เรียกว่า วงจรรวมความจุสูงมากหรือวีแอลเอสไอ (Very Large Scale Integrated Circuit : VLSI) จากการประดิษฐ์วีแอลเอสไอสามารถนำมาสร้างเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู (Central Processing Unit : CPU) ของคอมพิวเตอร์ และสามารถลดขนาดของคอมพิวเตอร์ให้เล็กลงจนสามารถตั้งบนโต๊ะทำงานในสำนักงาน หรือพกพาไปในที่ต่างๆ เหมือนกระเป๋าหิ้วได้ เรียกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกิดในยุคนี้ว่าไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) นอกจากนี้ ยังสามารถนำวงจรวีแอลเอสไอมาสร้างเป็นหน่วยความจำรองที่สามารถเก็บข้อมูลในระหว่างที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ ทำให้ได้หน่วยความจำที่มีความจุมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ยุคนี้จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนคอมพิวเตอร์นอกจากช่วยงานคำนวณแล้วยังสามารถทำงานเฉพาะทางอื่นๆ ได้มากกว่าช่วยงานคำนวณ เช่น การนำเสนอข้อมูลแบบสื่อประสม
วงจรวีแอลเอสไอที่รวมทรานซิสเตอร์ได้นับพันตัวไว้บนแผ่นซิลิคอนที่มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับมือคน
5. นิสิตใช้คอมพิวเตอร์ในอะไรบ้าง ให้อธิบาย
ตอบ ใช้ในการสืบค้นหาข้อมูล ทำรายงาน ทำการบ้าน
ใช้ในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งจะสะดวกกว่าเปิดหนังสือ
ใช้ในการพูดคุยกับเพื่อนๆ ผ่านโปรแกรม MSN หรือ HI5
ใช่ในการเล่นเกมส์ ใช่ในการส่งเพลง ให้คนที่เราชอบฟังว่าเรารู้สึกยังไงกับเค้า
5. นิสิตใช้คอมพิวเตอร์ในอะไรบ้าง ให้อธิบาย
ตอบ ใช้ในการสืบค้นหาข้อมูล ทำรายงาน ทำการบ้าน
ใช้ในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งจะสะดวกกว่าเปิดหนังสือ
ใช้ในการพูดคุยกับเพื่อนๆ ผ่านโปรแกรม MSN หรือ HI5
ใช่ในการเล่นเกมส์ ใช่ในการส่งเพลง ให้คนที่เราชอบฟังว่าเรารู้สึกยังไงกับเค้า